วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทสรุป แต่ละบท จริยธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์


บทที่ 1 บทบาทและความสำคัญของอาชีพคอมพิวเตอร์


บทบาทและความสำคัญของอาชีพคอมพิวเตอร์ปัจจุบันคอมพิวเตอร์มีบทบาทและความสำคัญต่อทุกหน่วยงาน ทำให้มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์มากมาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นักเรียนนักศึกษา และผู้สนใจพากันมาเรียนทางด้าน คอมพิวเตอร์กันมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ได้มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่องและทันสมัย ทำให้การใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว จากความสำคัญทางด้านเทคโนโลยี จึงได้จัดตั้งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขึ้น


บทที่ 2 คุณสมบัติของพนักงานคอมพิวเตอร์


คุณสมบัติของพนักงานคอมพิวเตอร์ในสถานประกอบการต่างๆไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการหรือเอกชน จะต้องประปอบไปด้วยลักษณะสำคัญ 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ ด้านกิจนิสัย และด้านทักษะ แต่สิ่งที่สถานประกอบการต้องการมากที่สุดคือด้านกิจนิสัย เพราะในที่ทำงานพนักงานที่มีอุปนิสัยที่ดีย่อมจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรมากกว่าพนักงานที่มีนิสัยไม่ดี ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการทำงานในหน่วยงาน ฉะนั้นนักเรียนจะต้องปฏิบัติตนให้เป็นคนดีขยันหมั่นเพียรในการเรียนเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะในการออกไปประกอบอาชีพในอนาคต


บทที่ 3 แนวทางประกอบอาชีพทางด้านคอมพิวเตอร์


การประกอบอาชีพทางด้านคอมพิวเตอร์ปัจจุบันมีจำนวนมากไม่ว่าเป็นหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชนหรืออาชีพส่วนตัว นักเรียนจะต้องเลือกอาชีพให้ตรงกับความรู้และความสามรถของตนเอง และติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้ามาอย่างไม่หยุดนิ่ง ถ้าเราไม่ติดตาและใฝ่เรียนรู้ให้ทันเทคโนโลยีเหล่านี้ จะทำให้เป็นคนล้าสมัยหรือหางานทำได้ยาก




บทที่ 4 บุคลิกภาพและการพัฒนาบุคลิกภาพในการทำงาน


บุคลิกภาพมีความสำคัญต่อการทำงานอย่างยิ่ง เพราะคนที่มีบุคลิกภาพที่ดีย่อมส่งจะช่วยส่งเสริม การปฏิบัติงาน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปฏิบัติงานอื่นๆบุคลิกภาพประกอบไปด้วยลักษณะภายนอกและภายในของแต่ละบุคคล - บุคลิกภาพภายนอก ถือเป็นรูปธรรม คือ รูปร่างหน้าตาของแต่ละบุคคลที่เป็นมาแต่กำเนิด- บุคลิกภาพภายใน ถือเป็นนามธรรม คือ ลักษณะภายในทางด้านจิตใจ อุปนิสัยใจคอบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลย่อมจะแตกต่างกันออกไป ฉะนั้นการเสริมสร้างและพัฒนาบุคลิกภาพในทุกๆด้าน ให้เป็นที่ยอมรับของบุคคลอื่น ก็จะเป็นผู้ที่ได้รับความสำเร็จในการดำรงตนอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข


บทที่ 5 จรรยาบรรณในวิชาชีพ


ในการทำงานทุกอาชีพย่อมจะต้องมีจรรยาบรรณที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ทุกคนมีคุณธรรม ละจริยธรรม ใช้เป็นหลักยึดถือในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพ ปราศจากอคติ และข้อครหาใดๆในการทำงาน ทำให้ผลงานที่ทำออกมาประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดี จรรยาบรรณในแต่ละอาชีพย่อมจะแตกต่างกันไปตามลักษณะงาน แต่รวมๆแล้วมุ่งให้ทุกคนประพฤติปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามตามแต่ละอาชีพจะกำหนดขึ้นมา


บทที่ 6 คุณธรรมจริยธรรมในการทำงาน


การทำงานในทุกองค์กร คุณธรรมจริยธรรมเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการทำงานพนักงานแต่ละบุคคลจะมีคุณธรรมจริยธรรมมากหรือน้อย ขึ้นอยู่ภายในจิตใจของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งที่จะวัดได้ยากมาก จะรู้ได้จากการเห็นด้วยตาหรือสังเกตได้จากการกระทำของแต่ละบุคคลที่ได้แสดงออกมาเท่านั้น ฉะนั้นถ้าหน่วยงานใดที่มีพนักงานที่เป็นผู้มีจริยธรรมสูง มีความขยันซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ เห็นประโยชน์ของหน่วยงานนั้นๆก็จะมีความสุข ปราศจากความขัดแย้งและเห็นแก่ตัว แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าได้พนักงานที่ขาดคุณธรรมจริยธรรมเข้ามาทำงาน หน่วยงานหรือสังคมนั้นๆก็ย่อมจะเกิดปัญหาขึ้นได้ จึงจำเป็นที่แต่ละหน่วยงานจะต้องเฟ้นหาบุคลากรที่ดีมีคุณภาพเข้ามาทำงานให้มากที่สุด เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของหน่วยงานนั้นๆต่อไป



บทที่ 7 กฎหมายด้านไอที


การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องดำเนินการให้ ถูกต้องตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 กิจการใดที่ต้องแจ้งให้ทราบหรือให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจดังกล่าวขึ้นทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา มิฉะนั้นจะต้องมีความผิดตามกฎหมาย สำหรับความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์อยู่ ซึ่งควรจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

1. มีมนุษยสัมพันธ์

1.1 แสดงกิริยาท่าทางสุภาพต่อผู้อื่น
1.2 พูดจาสุภาพ
1.3 ช่วยเหลือผู้อื่น
1.4 รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
1.5 ให้ความร่วมมือกับผู้อื่น
1.6 ชื่นชมความยินดีเมื่อผู้อื่นประสบความสำเร็จ
1.7 กล่าวขอบคุณ หรือขอโทษ ได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์




2. ความมีวินัย

2.1 ปฎิบัติตามกฏระเบียบ ข้อบังคับ และข้อตกลงต่างๆ ทางวิทยาลัย ได้แก่ แต่งกายให้ถูกระเบียบ ตรงต่อเวลา เข้าร่วมกิจกรรมที่ครูผู้สอนกำหนด
2.2 ประพฤติตนถูกต้องตามศีลธรรมอันดีงาม



3. ความรับผิดชอบ

3.1 มีการเตรียมความพร้อมในการเรยน
3.2 ปฎิบัติงานตามขั้นตอนที่เตรียมไว้
3.3 ปฎิบัติงานด้วยความตั้งใจ
3.4 ปฎิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ
3.5 ปฎิบัติงานทีได้รับมอบหมายเสร็จตามกำหนด
3.6ปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนเอง
3.7 ยอมรับผลการกระทำของตนเอง
3.8 ปฎิบัติงานโดยคำนึงถึงความปลอดภัยต่อตนเอง
3.9 ปฎิบัติงานโดยคำนึงถึงความปลอดภัยต่อผู้อื่น
3.10 ปฎิบัติงานโดยคำนึงถึงความปลอดภัยต่อส่วนรวม



4. ความซื่อสัตย์สุจริต

4.1 พูดความจริง
4.2 ไม่นำผลงานของผู้อื่นมาแอบอ้าง
4.3 ไม่ทุจริคในการสอบ
4.4 ไม่ลักขโมย



5. ความเชื่อมั่นในตนเอง

5.1 กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
5.2 กล้าทักท้วงในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
5.3 กล้ายอมรับความจริง
5.4 เสนอตัวเข้าแข่งขันหรือทำงานท้าทาย
5.5 กล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง



6. การประหยัด

6.1 ใช้วัติถุถูกต้องและเหมาะสมกับงาน
6.2 ปิดน้ำ ปิดไฟ ทุกคั้งที่ไช้
6.3 ใช้จ่ายเงินที่เป็นของส่วนรวมให้เกิดประโยชน์สูงสุด




7. ความสนใจใฝ่รู้

7.1 ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง
7.2 ซักถามปัญหาข้อสงสัย
7.3 แสวงหาประสบการณ์และค้นหาความรู้ใหม่
7.4 มีความกระตือรือร้นในการใฝ่หาความรู้ใหม่




8. การละเว้นสิ่งเสพติดและการพนัน

8.1ไม่สูบบุหรี่
8.2 ไม่ดื่มสุราและของมืนเมา
8.3 ไม่เสพสิ่งเสพติดอื่นๆ
8.4 ไม่เล่นการพนัน
8.5 หลีกเลี่ยงในการเข้าไปอยู่ในสถานที่มีการเล่นการพนัน



9. ความรักความสามัคคี

9.1 ไม่ทะเลาะวิวาท
9.2 ร่วมมือในการทำงาน



10. ความกตัญญูกตเวที

10.1 ตระหนักถึงพระคุณ ครู และอาจารย์
10.2 มีสัมมาคารวะ ต่อครู และอาจารย์ อย่างสม่ำเสมอ
10.3 อาสาช่วยเหลืองานครู อาจารย์




11. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

11.1 คิดสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดประโยช์แกตนเอง
11.2 มีความคิดหลากหลายในการแก้ปัญหา




12. การพึ่งตนเอง

12.1 สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วยตนเอง
12.2 สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายด้วยตนเอง
12.3 หารายได้พิเศษได้ด้วยตนเองเมื่อจำเป็น




วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

จรรยาบรรณในวิชาชีพคอมพิวเตอร์

จรรยาบรรณในวิชาชีพ

จรรยาบรรณ หมายถึง ประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบการอาชีพการงานแต่ละอย่างกำหนดขึ้นเพื่อรักษา และส่งเสริมชื่อเสียงและฐานะของสมาชิก จรรยาบรรณจึงเป็นหลักความประพฤติของบุคคลแต่ละกลุ่มอาชีพ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้มีคุณธรรมและจริยธรรม


วิชาชีพ หมายถึง สิ่งที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งยึดถือว่าองค์ความรู้ หรือความเกี่ยวกับอาชีพของตนมีค่าและพยายามผลักดันให้สาธารณะชนยอมรับสถานภาพอาชีพของตน



จรรยาบรรณพนักงานคอมพิวเตอร์


1. มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
2. ไม่ละทิ้งในหน้าที่การงาน

3. ไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับกับผู้อื่น

4. มีความจงรักภักดีต่อองค์กร

5. อุทิศตนให้กับวิชาชีพอย่างเต็มความสามารถ

6. ไม่ทุจริตและคอรัปชั่น

7. มีความรักและศรัทธาต่องานอาชีพ




จรรยาบรรณ สำหรับผู้ใช้อินเตอร์เน็ต


จรรยาบรรณ สำหรับผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ได้บัญญัติไว้ 10 ประการ เป็นจรรยาบรรณที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตยึดถือไว้ เสมือนแม่บทของการปฎิบัติ ผู้ใช้ควรละลึกและเตือนความจำเสมอ


1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้าย หรือละเมิดผู้อื่น
2. ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น

3. ต้องไม่สอดแนม แก้ไข หรือเปิดดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น

4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร

5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ที่สร้างหลักฐานอันเป็นเท็จ

6. ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์

7. ต้องไม่ละเมิดกรใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์

8. ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง

9. ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคม อันติดตามมาจากการทำงานของท่าน

10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยการเคารพกฎระเบียบ กติกา และมีมารยาท




อาชญากรรม 6 ประการ


1. การเงิน อาชยากรรมที่ขัดขวางความสามารถขององค์กรธุรกิจในการทำธุรกรรม อี-คอมเมิร์ซ
2. การละเมิดลิขสิทธิ์ การคัดลองผลงานที่มีลิขสิทธิ์ การละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆ ที่เกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อจำหน่ายหรือเผยแพร่ผลงาน

3. การเจาะระบบ การให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ หรือเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาติ

4. การก่อการร้ายทางคอมพิวเตอร์ ผลสืบเนื่องจากการเจาะระบบ โดยมีจุดมุ่งหมายสร้างความ หวาดกลัว เช่นเดียวกับการก่อการร้าย

5. ภาพอนาจารทางออนไลน์ การเผยแพร่ภาพอนาจารเด็กถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และ การเผยแพร่ข้อมูลภาพลามก อนาจาร ในรูปแบบใด ๆ แก่เยาวชนถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายเช่นกัน

6. ภายในโรงเรียน การกระตุ้นให้เด็กไทยได้เรียนรู้เกียวกับข้อกำหนดทางกฎหมาย สิทธิของตนเอง และวิธีที่เหมาะสมในการป้องกันการใช้อินเตอร์เน็ตในทางที่ผิด





สรุป


ในการทำงานทุกอาชีพย่อมจะต้องมีจรรยาบรรณที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้ทุกคนมีคุณธรรม จริยธรรมอ ใช้เป็นหลักยึดถือในการปฎิบัติงานตามหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพ ปราศจากอคติและข้อครหาใดๆ ในการทำงาน ทำให้ผลงานที่ออกมามีประสิทธิผลสำเร็จได้เป็นอบ่างดี จรรณยาบรรณในแต่ละอาชีพย่อมแตกต่างกันออกไปตามลักษณะงาน แต่รวม ๆ แล้วยมุ่งให้ทุกคนประพฤติปฎิบัติในสิ่งที่ดีงามตามแต่ละอาชีพจะกำหนดขึ้นมาเอง




วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บุคลิกถาพและการพัฒนาบุคลิกภาพในการทำงาน



บุคลิกภาพและการพัฒนาบุคลิกภาพในการทำงาน

1. บุคลิกภาพและการพัฒนาบุคลิกภาพในการทำงาน

ในการวิจัยในวิชาจริยธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์ ในเนื้อหาผู้เรียนจะได้ปฏิบัติตัวในการทำงานวิชานี้ เพื่อนำมาใช้กับงานสำนักงาน ผู้เรียนจะได้พัฒนาบุคลิกภาพไปด้วย นอกจากจะต้องการผู้มีความสามารถปล้ว ยังต้องการพนักงานที่มีบุคลิกภาพดีด้วย เพื่อส่งเสริมในการปฏิบัติงาน และสร้างการบริการแก่ผู้มาติดต่ออีกด้วย



2. ความหมายของบุคลิกภาพ

บุคลิกภาพ (Personality) หมายถึง บุคลิกเฉพาะตัว ซึ่งประกอบด้วยรูปร่างหน้าตา ลักษณะนิสัย ความสนใจ ความสามารถ ตลอดความมีมนุษยสัมพันธ์คนรอบข้าง



3. การพัฒนาบุคลิกภาพ

เนื่องจากบุคลิกภาพเป็นลักษณะของบุคคลโดยรวมของแต่ละบุคคล ซึ่งย่อมแตกต่างกันทั้งรูปร่างหน้าตา ด้านอารมณ์ สังคม สติปัญญา พฤติกรรม เพื่อการกระทำใด ๆ ตลอดจนการแสดงกริยาอาการต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะนิสัยของแต่ละบุคคล



4. ประโยชน์ของการพัฒนาบุคลิกภาพ มีดังนี้

1.สร้างเสริมบุคลิกภาพให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา
2.ทำร่างกายให้คล่องแคล่วว่องไว
3.เป็นผู้มีความร่าเง แจ่มใส
4.มีกิริยา มานยาท
5.เป็นผู้มีเหตุผลไม่วู่วาม มีความสุขุมรองคอบ
6.มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีความอดทน
7. ยอมรับความจริงของโลกมนุษย์
8.มีความเชื่อมั่นในตนเอง
9.มีความคิดไฝ่หาความก้าวหน้าในการทำงาน
10.ปรับปรุงตนเองให้เข้ากับสังคมนอกจากนั้น ในการปฏิบัติตนเพื่อให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นสุข ทยาลุ ชีวิตงาม ได้ให้ข้อคิดในการพัฒนาตนเอง ดังนี้เอาความดี เป็นแกนกลาง ทางชีวิตเอาความคิด เป็นเครื่องช่วย อำนวยผลเอาแรงงาน เป็นกลไก ภายในตนนี่คือคน มีคุณค่า ราคางาม



11.การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล หมายถึง การที่สมชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมีความเกี่ยวข้องกันในกิจการ แสดงการยอมรับ การให้เกียรติกัน


12.มีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายร่วมกัน หมายถึง สมาชิกมีการกระตุ้นให้เกิดกิจกรรม โดยเฉพาะจุดประสงค์ของงานที่สอดคล้องกับองค์กร


13.การมีโครงสร้าง หมายถึง ระบบพฤติกกรม เป็นแผนเฉพาะกลุ่มที่จะต้องปฏิบัติ

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พรบ. คอมพิวเตอร์

หมวด 1 ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 6 ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 8 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 9 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 10 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 11 ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา 12 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10
-(1) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลังและไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
-(2) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
*ถ้าการกระทำความผิดตาม (2) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

มาตรา 13 ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 หรือมาตรา 11 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
-(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
-(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
-(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
-(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1)(2) (3) หรือ (4)

มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14

มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย

มาตรา 17 ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
-(1) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
-(2) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร